“แพนิค” (Panic Disorder) หรือที่คนไทยหลายคนเรียกสั้นๆ ว่า “โรคแพนิค” คือความผิดปกติของการตอบสนองต่อความเครียดในระดับที่รุนแรงกว่าปกติ โดยจะเกิดอาการรุนแรงแบบฉับพลัน เช่น ใจสั่น หายใจไม่อิ่ม เวียนหัว รู้สึกเหมือนจะตาย บางคนถึงขั้นกลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้หรือเป็นบ้า
ในเชิงชีววิทยา อาการเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการทำงานของ “ระบบประสาทอัตโนมัติ” และ “ฮอร์โมนคอร์ติซอล” ที่หลั่งออกมาเมื่อร่างกายรู้สึกว่ากำลังเผชิญภัย
กลไกการเกิด “แพนิค”: เมื่อระบบเคมีในร่างกายแปรปรวน
เมื่อร่างกายรับรู้ถึง “ภัยคุกคาม” — แม้เพียงแค่ความคิดหรือจินตนาการ — สมองส่วน Hypothalamus จะส่งสัญญาณไปยังต่อม Pituitary และ Adrenal glands เพื่อหลั่งฮอร์โมน CRH และ ACTH ตามลำดับ จนกระทั่งเกิดการหลั่งคอร์ติซอลออกมา
คอร์ติซอล คือฮอร์โมนหลักที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อความเครียด มีผลต่อ:
- เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
- กระตุ้นการทำงานของหัวใจและความดัน
- ลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
หากคอร์ติซอลหลั่งบ่อยเกินไป (เช่น ในผู้ที่มีความเครียดสะสม) จะทำให้ระบบประสาทเสียสมดุล และนำไปสู่ภาวะ “แพนิค” ได้ง่ายขึ้น
ปัจจัยกระตุ้น “แพนิค” ที่คุณอาจคาดไม่ถึง
- นอนไม่พอ หรือคุณภาพการนอนลดลง (REM และ Slow Wave Sleep ถูกขัดจังหวะ)
- ขาดวิตามินบี เช่น B6, B1, B9, B12 ที่มีบทบาทในการสังเคราะห์สารสื่อประสาท เช่น GABA, SerotoninC10 – Vitamins 24
- พฤติกรรมเสี่ยง กาแฟจัด น้ำตาลสูง แอลกอฮอล์
- ภาวะลำไส้รั่ว ความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ส่งผลต่อภาวะอักเสบและสารสื่อประสาท เช่น GABA, Dopamine
แนวทางดูแลแพนิค: ฟื้นสมดุลสารสื่อประสาทและการตอบสนองของร่างกาย
- ดูแลการนอนหลับให้มีคุณภาพ: ปรับเวลานอนให้ตรงกับ circadian rhythm เพิ่มเมลาโทนินตามธรรมชาติ เช่น ลดแสงฟ้าในช่วงค่ำ
- เสริมวิตามิน B-complex และแมกนีเซียม: เพื่อฟื้นสมดุลสาร GABA และช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการกระวนกระวาย
- เติมจุลินทรีย์ดีในลำไส้: เช่น Lactobacillus rhamnosus และ Bifidobacterium longum ที่มีส่วนช่วยให้สมองสงบและลดอาการวิตกกังวลB5 Gut Health, Food Hyp…
- ฝึกหายใจยาว ๆ (slow breathing): ช่วยกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (PNS) ลดภาวะ overdrive ของระบบ sympathetic
คำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์
หลายคนที่เคยมีอาการแพนิคมักคิดว่า “ฉันกำลังจะตาย” ในตอนที่อาการมา แต่เมื่อได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี ทั้งจากแพทย์ นักจิตวิทยา และการปรับวิถีชีวิตแบบองค์รวม พวกเขากลับสามารถ “อยู่กับมัน” และผ่านพ้นมาได้อย่างมั่นคง
สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่การพยายาม “หายขาด” แต่คือการฟื้นคืนพลังให้ร่างกายกลับมาสมดุลใหม่อีกครั้ง

ดีมากๆๆๆ